วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

แมวบาลิเนส


แมวพันธุ์ Balinese 






ลักษณะประจำพันธุ์ แมวบาลิเนส


         เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากในการเป็นเจ้าของแมวพันธุ์ บาลิเนส ซักตัว คุณจะพูดถึงมันอย่างตื่นเต้นจนกว่าคุณจะหยุดก็ต่อเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยที่เดียวภายใต้ขนยาวนุ่ม สวยงามนั้น แมวพันธุ์บาลิเนสนั้นนิสัยก็ดีด้วย ถึงแม้ว่ามันจะมีลักษณะที่สง่างาม แต่มันก็สามารถทำให้เจ้าของรู้สึกเพลิดเพลินได้ ไม่ต่างจากตัวตลกในคณะละครสัตว์เลยทีเดียว ถ้าคุณต้องการจะวัดความฉลาดของมัน เพียงแค่จ้องเข้าไปในดวงตาสีแซฟไฟร์ที่สดใสแวววาวไปด้วยความกระตือรือล้น ความมีสุขภาพดี และความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ แมวสยาม แต่ แมวพันธุ์นี้มีเสียงร้องที่ค่อยกว่าและนุ่มนวลกว่า การทำความสะอาดก็ง่ายดาย เพราะขนของมันไม่หนาเหมือนสัตว์ขนยาวทั่วไป

         โดยทั่วไป แมวบาลิเนส มีขนยาว เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของแมวสยาม การที่ธรรมชาติให้สิ่งนี้กับแมวพันธุ์นี้นั้น ช่วยส่งเสริมความสง่างามของมันมากขึ้น ความยาวของขนนั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่าง แมวสยาม และแมวบาร์ลิเนส ถึงแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ว่าบางครั้งบางคราวในลูกของแมวสยาม 1 ครอก จะปรากฎลูกแมวที่มีลักษณะขนยาวซักตัว สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของนักเพาะพันธุ์มากมาย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการโปรโมทแมวบาลิเนสนี้เลย เพราะความสวยงามน่ารักของมันแก่ผู้พบเห็น

         ทั้งนี้ มีการค้นพบแมวขนกึ่งสั้นกึ่งยาวครั้งแรกที่ อเมริกา แมวบาลิเนสมีลักษณะเหมือนแมวสยามคือแต้มสีที่ จมูก หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ และหาง แต่แมวบาลิเนส จะมีขนยาวเรียบ หัวเป็นรูปลิ่มค่อนข้างยาว มองจากด้านหน้า(รวมหูด้วย)จะเป็นรูปสามเหลี่ยม มองจากด้านข้างจมูกกับหน้าผากจะเป็นเส้นตรง หน้าผากไม่นูน หูค่อนข้างใหญ่ ฐานหูกว้าง ตารูปเมล็ด Almond ขนาดปานกลาง รับกับจมูกและหน้า ตาไม่เหล่ไม่เข สีตาเป็นสีน้ำเงินสดใส รูปร่างสูงยาว ขนาดตัวปานกลาง เส้นหลังตรง สะโพกไม่กว้างกว่าไหล่

          รูปร่างของแมว Balinese ตัวผู้อาจจะใหญ่และหนากว่าตัวเมียในบางส่วน อุ้งเท้าเป็นรูปไข่ หางยาว ขนหางยาวชี้ออกเหมือนขนนก ขนลำตัวยาวปานกลาง ละเอียด นุ่ม ไม่มีขนชั้นใน ขนยาวเรียบติดตัว ขนลำตัวอาจจะสั้นกว่าที่หางก็ได้ สีของแต้มมีอยู่ 4 สี คือ Seal point Chocolate point Blue point Lilac point

ลักษณะมาตราฐาน แมวบาลิเนส 


         ลักษณะมาตราฐานของแมวพันธุ์นี้ถูกกำหนดโดย Cat Fanciers’ Association โดยมีลักษณะดังนี้ หุ่นเพรียวยาว รวมไปถึง หัว ขา และหาง ขนยาวเรียวแหลมอ่อนนิ่ม และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงซึ่งมีลักษณะคล้ายบรรพบุรุษของมันคือ แมวสยามนั้นเอง แต่มันก็ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในเรื่องของความยาวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีขนหางที่ยาวปุยคล้ายขนนก

         เพราะ แมวบาลิเนส มีขนชั้นเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ขนยาวอื่น ๆ ทั่วไปซึ่งจะมีขนสองชั้นขนของแมวพันธุ์นี้จะวางตัวราบเรียบชี้ไปด้านหลัง และไม่ทำให้เสียรูปทรงของแมวพันธุ์นี้

         ลักษณะของสีจุดได้รับการรับรองโดย CFA ซึ่งสีจุดนั้นเป็นสีจุดของแมวพันธุ์สยาม

         ราคาของแมวบาลิเนสนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของแมวตัวนั้น ซึ่งสามารถทำให้ราคาสูงได้โดย ให้เข้าประกวดในงานต่าง ๆ เช่น Grand Champion, National หรือ Regional Champion

         ตามปกติแล้วนักเพาะพันธุ์จะขายลูกแมว อายุประมาณ 12-16 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอายุที่เหมาะสม หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวควรได้รับการฉีดวัคซีน และได้รับการส่งเสริมด้านร่างกาย สังคมและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และควรเลี้ยงในร่ม และมีพื้นที่ให้แมวได้ข่วน ซึ่งเป็นนิสัยธรรมชาติของสัตว์ประเภทนี้

         ข้อบกพร่องของแมวพันธุ์นี้ก็คือ ขาหลังอ่อนแอ มีการหายใจทางปากเนื่องจากสิ่งกีดขวางในช่องจมูก และบางตัวมีลักษณะที่ฟันบนและฟันล่างไม่สบกัน มีผลทำให้มีลักษณะคางยาวหรือคางสั้นกว่าปกติ ความหงิกงอของหาง นิ้วเกิน และ มีขนมากกว่าหนึ่งชั้น

ลักษณะสีขน แมวบาลิเนส  


         SEAL POINT: สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง ตรงบริเวณท้องและอกจะมีสีที่อ่อนกว่าส่วนของลำตัว สีของจุดจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับสีของจมูกและอุ้งเท้า สีของตาเป็นสีฟ้าเข้ม

         CHOCOLATE POINT: สีของลำตัวเป็นสีงาช้าง สีของจุดเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนสีของchocolateนม สีของจมูกและอุ้งเท้าเป็นสีชมพู่ซินนามอน ตาสีฟ้าเข้ม

         BLUE POINT: สีของลำตัวสีขาวออกฟ้าอมเทา สีจะค่อย ๆ จางลงตรงบริเวณท้องและอก สีของจุดมีสีฟ้าเข้ม สีของจมูกและอุ้งเท้ามีสีเทาอมน้ำเงิน ตาสีฟ้าเข้ม

         LILAC POINT: สีของลำตัวเป็นสีขาวปลอด สีจุดจะมีสีเทาหรือชมพู สีของจมูกและอุ้งเท้าจะเป็นสีชมพูม่วง ตาสีฟ้าเข้ม

แมว พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทล


แมว พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทล (The American Bobtail) (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)



           อเมริกัน บ็อบเทล แมวพันธุ์นี้ มองในครั้งแรกคุณจะเห็นเหมือนเป็นบ็อบแคทธรรมดา แต่ถ้าหันมาเพ่งดูแล้วคุณก็จะเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งที่จะทำให้คุณหลงรักมันได้ในทันที แค่ได้สบตากับมันคุณก็จะรู้สึกตะลึงกับความน่ารัก ขนที่สะอาด ดูเป็นระเบียบ และอเมริกัน บ็อบเทล มักกระพริบตาให้ จนคุณอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับขนที่หนานุ่มและอุ้มมันขึ้นมา

           แต่ทันทีที่คุณเอื้อมมือไป มันจะยืนขึ้นและเหยียดตัวทำให้คุณได้เห็นร่างกายที่แข็งแรงและหางที่สั้นตามธรรมชาติ  ซึ่งแน่ใจได้เลยว่ามันมีความเป็นสัตว์ป่าอยู่ในตัว และเจ้าแมว อเมริกัน บ็อบเทล มันจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาคุณเพื่อเรียกร้องความสนใจและเมื่อ คุณอุ้มมันขึ้นมาก็จะต้องทึ่งในลักษณะท่าทางของมัน นอกจากนี้ ความฉลาดและความอ่อนโยนก็จะทำให้คุณรัก อเมริกัน บ็อบเทล มากที่สุด

           สำหรับรูปร่างและลักษณะนิสัยของ อเมริกัน บ็อบเทล มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนใหญ่ เป็นสัตว์ที่มีความเป็นนักกีฬา มีกล้ามเนื้อและพละกำลังแข็งแรง ร่างกายยาวพอสมควรและมั่นคง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หางควรจะมองเห็นอย่างชัดเจนเหนือหลังเวลาที่มันตกใจและความยาวต้องไม่เกิน หัวเข่า หางที่ดีจะต้องเกือบตรงมีส่วนโค้งเล็กน้อย แมวพันธุ์นี้มีหัวเป็นรูปลิ่มแข็งแรงได้ขนาดและมีคิ้วที่เด่นชัดอยู่เหนือ ดวงตาคู่ใหญ่รูปร่างคล้ายอัลมอนด์ทำให้มันมีความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ การแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางก็แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและตื่นตัว

           ที่ปลายหูของเจ้าเหมียวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล ถือว่าเป็นจุดเด่น ขนที่มีลักษณะเฉพาะโดยมีขนสั้นความหนาปานกลางและขนยาวที่ความยาวพอเหมาะ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและกันน้ำได้ ขนชั้นนอกจะหยาบส่วนขนด้านในจะคล้ายกับในกระต่ายซึ่งจะช่วยป้องกันตัวแมวจาก สภาพอากาศได้ เมื่อมันเคลื่อนไหวจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติในการเดินรวมทั้งลักษณะทาง กายภาพที่มีความคล้ายคลึงกับแมวป่า สัตว์พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตช้าโดยจะต้องอาศัยเวลา 2-3 ปีกว่าที่จะโตเต็มตัว ถึงแม้แมวพันธุ์นี้จะมีลักษณะของสัตว์ป่าแต่อุปนิสัยและการปรับตัวก็มีความแตกต่างกัน

ลักษณะนิสัยของ แมวพันธ์ อเมริกัน บ็อบเทล



           อเมริกัน บ็อบเทล เป็นแมวที่ใจดี น่ารัก และฉลาดอย่างมาก มันมีลักษณะนิสัยคล้ายสุนัข และรักเจ้าของมาก อเมริกัน บ็อบเทล สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่ยุ่งเหยิงหรือเงียบได้ ยีนของแมวพันธุ์นี้เป็นยีนเด่น ซึ่งจะต้องมีหางสั้นตามธรรมชาติเพื่อที่จะได้มีลูกแมวที่หางสั้นต่อไป ความยาวโดยเฉลี่ยของหางคือ1-4 นิ้ว อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงค่าเฉลี่ย โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสั้นหรือยาวกว่านี้ก็ได้

           นอกจากนี้ อเมริกัน บ็อบเทล จะผูกพันกับครอบครัว มันเข้าได้ดีกับสุนัขและสัตว์แปลกหน้าไม่ว่าจะมี4ขา หรือ 2 ขา คนขับรถบรรทุกมักจะให้มันนั่งไปเป็นเพื่อนเพราะมันจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี ถ้าฝึกตั้งแต่เด็ก ๆ นักบำบัดทางจิตวิทยายังใช้มันในโปรแกรมการรักษาด้วย เพราะมันมีพฤติกรรมที่ดี ทั้งยังอ่อนโยนต่อผู้คนที่อยู่ในความทุกข์หรือเศร้าโศกเสียใจ นอกจากนี้มันเป็นเพื่อนเล่นที่ดีของเด็ก ๆ อเมริกัน บ็อบเทล มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อคนทุกวัยและเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในครอบครัวเพื่อความเพลิดเพลิน

           อย่างไรก็ตาม แมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล ชอบเล่นเกมส์ เช่น ให้วิ่งไปคาบ, เล่นซ่อนหา ซึ่ง อเมริกัน บ็อบเทล เล่นได้เป็นชั่วโมง ๆ มันจะเรียกร้องให้เราเล่นเกมส์กับมันและจะไม่หยุดจนกว่าเราจะเล่นด้วย โดยพื้นฐานแล้ว อเมริกัน บ็อบเทล จะเป็นแมวเงียบ ๆ แต่มันจะตื่นเต้นและส่งเสียงต่าง ๆ เวลาดีใจ เราสามารถล่ามโซ่ อเมริกัน บ็อบเทล ได้ง่ายและมันชอบที่จะออกไปเดินเล่น แมวพันธุ์นี้ชอบวัตถุที่ขึ้นเงา เป็นประกายเพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเก็บกล่องเครื่องเพชรให้ดี ๆ

ประวัติ แมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล


           นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นที่กล่าวไปแล้ว แมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล ยังเป็นนักล่าที่เก่งกาจด้วยสัญชาตญาณในการเป็นนักล่าของมัน อเมริกัน บ็อบเทล มักจะช่วยจับแมลงที่บินภายในบ้าน มีรายงานว่าแมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล  ส่วนใหญ่สามารถเปิดประตูบ้านเองได้โดยยืนด้วยขาหลังและหมุนลูกบิดประตูด้วยอุ้งเท้า และลักษณะที่ดีของมันอีกอย่างก็คือขนของมันต้องการการแปรงน้อยมากหรือไม่ต้องการเลย

           ทั้งนี้ แมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล มีมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะมามีชื่อเสียงเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มันเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากสมาคม Cat Fanciers’ เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2000 ว่าเป็นพันธุ์ที่รู้จักกันมานานแล้ว และมีสายพันธุ์อยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์ที่น่าภูมิใจของอเมริกา ลักษณะที่เหมือนแมวป่าบวกกับลักษณะนิสัยที่เชื่องที่น่าพอใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เพาะพันธุ์ที่ได้ทุ่มเทเวลา ความพยายามและกำลัง กายเพื่อที่จะให้ได้พันธุ์ที่น่าทึ่งนี้ พันธุ์อเมริกัน บ็อบเทล จึงสามารถอ้างสิทธิ์ได้อย่างภาคภูมิใจว่าเกิดในอเมริกา

           การกำหนดราคาของ อเมริกัน บ็อบเทล ปกติจะขึ้นอยู่กับชนิด,ลักษณะที่เหมาะสม และสายเลือด ผู้เพาะพันธุ์ส่วนใหญ่จะเพาะพันธุ์ลูกแมวอายุระหว่าง 12-16 สัปดาห์ หลังจาก 12 สัปดาห์ ลูกแมวจะได้รับการเตรียมพร้อมและพัฒนาทางด้านกายภาพและสถานะทางสังคมซึ่งจำ เป็นต่อการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมใหม่,การแสดงหรือการขนส่งทางอากาศ การเลี้ยงไว้ในบ้าน,การทำหมันและจำกัดพื้นที่ให้พอเหมาะ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดีและมีความสุขของแมวพันธุ์นี้



ลักษณะทั่วไปของ แมวพันธุ์ อเมริกัน บ็อบเทล


           มีขนาดตั้งแต่ขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถสังเกตความเป็นนักกีฬาของมันได้จากลักษณะของกล้ามเนื้อและพละกำลัง ร่างกายมีความยาวปานกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแข็งแรงและมีไหล่ยื่นออกมา หางสั้นและสามารถเห็นได้เหนือหลังเวลามันตกใจโดยจะไม่ยาวไปถึงหัวเข่า พันธุ์นี้มีหัวที่แข็งแรง กว้างปานกลางเป็นรูปลิ่มโดยมีคิ้วที่เด่นเฉพาะตัวอยู่เหนือดวงตาโตคล้ายรูปอัลมอนด์ การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเป็นสิ่งที่แสดงถึงความฉลาดและความตื่นตัว โดยปกติตัวเมียจะมีสัดส่วนทีเล็กกว่าตัวผู้ ชนิดและลักษณะท่าทางจะมีความสำคัญมากกว่าขนาดตัว

           อเมริกัน บ็อบเทลล์ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับสัตว์ป่าแต่มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะนิสัยที่แตกต่างออกไป

            หัว : กว้างเป็นรูปลิ่มโดยไม่มีส่วนแบนหรือส่วนที่เป็นโดม ได้สัดส่วนกับลำตัว ส่วนของปากและจมูกยื่นออกมาอย่างพอเหมาะ โหนกแก้มเห็นได้ชัด มีหนวดวางอยู่บนแก้มที่อูม ส่วนโค้งระหว่างจมูกกับคิ้วบางและมีความยาวระหว่างคิ้วกับหูพอเหมาะ คิ้วสามารถเห็นได้ชัดบริเวณหน้าผากเป็นแนวเหนือตา ขอบของคิ้วจะอูมขึ้นรอบตา จมูกกว้าง ผิวหนังรอบจมูกจะใหญ่ คางแข็งแรงและกว้างได้แนวกับจมูกความกว้างของหัวและเหนียงที่คอจะเห็นได้ใจ ตัวผู้ที่โตเต็มที่แล้ว

           หู : มีขนาดปานกลาง ฐานกว้างมีขอบรอบๆหูบางอยู่ด้านบนสุดและด้านข้างสุดของหัว ขอบของหูยิ่งสูงยิ่งดี มีรอยสีเป็นรูปนิ้วอยู่ด้านหลังของหูหรือมีลายหรือลักษณะคล้ายแมวป่าเป็น ลักษณะที่ดี

           ตา : ตามีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเม็ดอัลมอนด์ วางตัวอยู่ลึก มุมด้านนอกบางขึ้นไปถึงหู ตาสองข้างห่างจากกันพอเหมาะ คิ้วที่อยู่เหนือตาแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ

           รูปร่าง : ค่อนข้างยาว และแข็งแรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อกเต็มและกว้าง สะโพกบางใหญ่มีแผ่นไหล่ยื่นออกมาจากลำตัว สะโพกแข็งแรงและเกือบกว้างเท่าอก สีข้างหนา มีกล้ามเนื้อ มีลักษณะแบบนักกีฬา มีการเจริญเติบโตเต็มที่ช้า

           ขาและเท้า : ได้ขนาดกับร่างกาย มีความยาวพอเหมาะและมีกระดูกที่แข็งแรง อุ้งเท้าใหญ่และกลม มีปอยขนยาวที่นิ้วเท้า ขาหน้ามี 5นิ้ว ขาหลังมี 4นิ้ว

           คอ : มีความยาวปานกลางแต่อาจจะสั้นขึ้นกับลักษณะของกล้ามเนื้อ

           หาง : หางสั้น อาจตรง,เป็นส่วนโค้งเล็กน้อยหรือบิดงอเล็กน้อยหรือมีรอยขรุขระไปตามความยาว ของหาง หางอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก มีฐานกว้าง แข็งแรงและทนต่อสัมผัส ไม่แข็งแต่ต้องยืดหยุ่นและไม่บิดจนไปทำลายธรรมชาติการเคลื่อนไหวของหาง หางที่ตรงจะได้รับการยอมรับกว่าหางที่งอ หางที่ตรงควรจะมีส่วนท้ายที่อูม

           ความยาวของหาง : จะต้องยาวพอที่จะเห็นได้ชัดเหนือส่วนหลังเวลาแมวตกใจ แต่จะต้องไม่เลยไปถึงหัวเข่า

           ขนสั้น :

           ความยาว : ปานกลาง หนาพอสมควร
           ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่นได้ดี ตรงปลายจะบาง
           ความหนา : มีขน 2 ชั้น ส่วนบนหนานุ่ม, ส่วนล่างอ่อนนุ่ม
           ความหลากหลาย : ขนสามารถสังเกตความแตกต่างได้ตามฤดู ขนอาจจะนุ่มขึ้น ความหยาบ ละเอียดหรือสีจางลง ตีนขนอาจจะมีสีเทามีลาย

           ขนยาว :

           ความยาว : ยาวปานกลาง หยาบเล็กน้อย ขนจะยาวเรียวบางลงบริเวณรอบคอสัตว์,สะดือและหาง
           ขนรอบคอ : บางนุ่ม
           ความหยาบ : ไม่พันกัน ยืดหยุ่น
           ความหนา : ขน 2 ชั้น ตีนขนไม่หนามาก

           ความหลากหลาย : ขนสามารถเปลี่ยนไปได้ตามฤดูกาล อาจนุ่มขึ้น,หยาบละเอียด,สีจางลง ตีน ขนอาจมีสีเทา มีลาย

           พัฒนาการ : มีการพัฒนาร่างกายให้โตเต็มวัยช้า โดยร่างกายของแมวพันธุ์นี้จะค่อยๆเติบโตจนเต็มที่ตอนอายุได้ 3 ปี

           ข้อบกพร่อง : หาง ที่ยาวเกินไปหรือสั้นเกินไปมีผลต่อการทรงตัวและลักษณะภายนอกของแมว หางที่บิดงอหรือขมวดเป็นปม หางที่แข็งไม่ยืดหยุ่นหรือวางตัวอยู่ต่ำ หางตรงแต่ส่วนท้ายไม่อูม ตากลม คางอ่อนส่วนปากและจมูกยื่นออกมาน้อยเกินไป

           ลักษณะที่ไม่ได้คุณภาพ : หางไม่ได้ขนาด ตาผิดรูป กระดูกเปราะ มีจำนวนนิ้วเท้าไม่ถูกต้อง

           สีและรูปแบบ : ทุกสีและทุกรูปแบบยอมรับได้ ไม่ค่อยยอมรับลักษณะที่มีลาย ลักษณะที่คล้ายแมวป่าเป็นที่ต้องการ

           สีตา : ทุกสีที่เป็นไปได้แต่ต้องไม่มีลักษณะที่แปลก ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างตากับสีขน

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ประวัติแมวเมนคูน

ประวัติแมวเมนคูน

แมวเมนคูน
แมวเมนคูน

แมวเมนคูนเป็นแมวลูกผสมที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศสหรัฐอเมริกา เชื่อกันว่าเกิดจากแมวที่ผสมพันธุ์กันในอเมริกา 
มี การบันทึกกันไว้ว่า พระนางมารี อังตัวเน็ต พระราชินีของ พระราชาฝรั่งเศส ได้ส่งทั้งของและเจ้าพวกสัตว์เลี้ยง เช่น แมวเมนคูน ของพระนางไปก่อนล่วงหน้าก่อน ตอนที่พระนางเตรียมหนี จากพวกปฏิวัติในฝรั่งเศส เข้ามหาสมุทรแอตแลนติกไปอเมริกา
ต้น ชื่อที่เรียกว่า เมน นั้น เพราะแม่พันธุ์นี้ ได้พบกันครั้งแรกตอนที่มันมาขึ้นฝั่ง ที่รัฐ ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านอเมริกาเหนือคือ รัฐเมน ส่วนชื่อ คูน ท่อนหลังนั้นน่า จะมาจากพวงหาง ของเจ้าแมวพันธุ์ที่ว่าที่มีหางเป็นพวงเหมือนตัวแรคคูนที่มีอยู่ใน ทวีปอเมริกา

เจ้าแมวเมนคูน เป็นแมวที่ได้จากการผสมของตัวแรคคูน กับแมวบ้าน จึงมีชื่อว่า
" MaineCoon " ซึ่งมาจากชื่อเมือง Maine กับคำว่า Raccoon



ลักษณะโดยทั่วไปแมวเมนคูน

แมว เมนคูน เป็นแมวช่างสงบเสงี่ยม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง จัดเป็นแมวที่มีพละกำลังมากพันธุ์หนึ่งและมีลักษณะนุ่มนวล เป็นมิตรกับผู้คน 

ลักษณะประจำพันธุ์แมวเมนคูน

เป็น แมวที่มีลำตัวหนาหนักแน่น รูปร่างค่อนข้างใหญ่ ผิวขนคล้ายเชือกพันเป็นเกลียว( มองดูคล้ายแมวพันธุ์เปอร์เซีย ) มีขนขึ้นปกคลุมหนาแน่น ขนยาวไม่มากนัก บางตัวอาจมีขนาดใหญ่น้ำหนักตัวถึง 13.5 กิโลกรัม
หัว มีขนาดกลาง หน้าเป็นเหลี่ยม ใบหน้าราบแบน แก้มอยู่ในตำแหน่งที่สูง มีโครงกระดูกแก้มใหญ่ มีหูใหญ่และเป็นแมวที่มีรูปร่างสูง ตายาวติดกับบริเวณช่องจมูก จมูกเล็ก ช่วงขาแข็งแรง เท้ากลมมน ขนยาวและมีน้ำหนัก ลักษณะขนที่มีน้ำมันในตัวจึงไม่ค่อยเปียกน้ำ ปลายหางขนหยาบ ขึ้นหนาแน่นรกรุงรัง แต่ขนไม่ยาวนัก
บริเวณ รอบลำคอ โคนใบหูขนมักพันเป็นกระจุก สีต้นตระกูลของแมวนี้ ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเงิน สีเหลือง ลูกนัยน์ตาเป็นรูปไข่ลาดเอียง ลูกนัยน์ตาสีเขียวเป็นประกาย

ลักษณะนิสัยของแมวเมนคูน


นิสัยของแมวจะมีความเป็นเด็กตลอดชีวิต ใบหน้ายังคงมีความเป็นแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต ฐานหูกว้างใหญ่ ปลายหูจะมีเส้นขนเป็นจะงอยออกมา มองจากด้านข้างลำตัวจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนกึ่งยาวไม่ฟูตั้งตกตามลำตัว เส้นขนใหญ่มีน้ำหนัก หางยาวมีวงเป็นปล้องเหมือนหางแรคคูน ถ้าเป็นสีลายเสือ จะต้องมีลายรอบวงหางตลอด ความยาวจากจมูกถึงปลายหางประมาณ 1 เมตร

สารที่เป็นอันตรายต่อแมว

พาราเซตามอล/แอสไพริน(acetaminophen/aspirin)
Antifreeze
Bleach
กรดบอริก(Boric acid)
Brake fluid
น้ำยาทำความสะอาด(Cleaning fluid and solutions)
น้ำยาดับกลิ่น(Deodorants)
ตัวดับกลิ่น(Deodorizers)
น้ำยาล้างพวกสบู่(Detergents)
ยาฆ่าเชื้อ(Disinfectants)
สี(Dye)
แว๊กขัดพื้น(Floor wax)
สารฆ่าเชื้อรา(Fungicides)
น้ำยาขัดเฟอร์นิเจอร์(Furniture Polish)
น้ำมันเบนซิน
ยากำจัดวัชชพืช(Herbicides)
ยาฆ่าแมลง(Insecticides)
ไลโซล(Lysol)
น้ำยาขัดโลหะ(Metal Polish)
Mineral Spirits
Mothballs
น้ำยาขัดเล็บและล้างเล็บ(Nail Polish & Remover)
สี(Paint)
น้ำยาล้างสี(Paint Remover)
น้ำยาล้างฟิมล์(Photographic Developer)
ยาฆ่าหนู/มด(Rat/Ant Poison)
แอลกอฮอร์(Rubbing Alcohol)
น้ำยาขัดรองเท้า(Shoe Polish)
เหยื่อดักหอยทาก/บุ้ง(Snail/Slug Bait)
Suntan Lotion
Tar
Windshield
Washer Fluid
Wood Preservatives

สารที่เป็นอันตรายต่อแมว
สารที่เป็นอันตรายต่อแมว


พืชที่เป็นพิษในแมว
             แมวเป็นสัตว์ที่ชอบกัดกินใบไม้ชนิดหนึ่งเหมือนกัน ในบางครั้งการกินใบไม้ หรือต้นไม้ที่ปลูกเป็นไม้ประดับอยู่ในบ้านทำให้แมวได้รับอันตรายได้ด้วยเหมือนกัน เนื่องจากมันเป็นพิษต่อแมว รายต่อไปนี้เป็นรายชื่อ พืชที่มักนิยมปลูกในบ้าน แต่เป็นพืชที่เป็นพิษ หรือเป็นอันตรายต่อแมวตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงจนถึงระดับที่มีความรุนแรง ขึ้นอยู่กับว่าแมวได้รับ หรือกินพืชนั้นเข้าไปในร่างกายมาก หรือน้อย อย่าลืมว่า แมวที่เคี้ยวกินพืชที่เราใส่ปุ๋ย หรือสารเคมี หรือยาฆ่าแมลงให้กับพืชนั้น มันอาจจะมีผลต่อแมวได้โดยตรง หรือโดยอ้อมก็ได้ หรือแมวอาจจะได้รับสารนั้นผ่านทางดินที่ใช้ปลูกพืชก็ได้ เราสามารถป้องกันแมวที่เราเลี้ยงไว้ในบ้านไม่ให้กัดกิน หรือเคี้ยวพืชที่เราปลูกประดับบ้านได้ด้วยการโรยสิ่งที่มีกลิ่นฉุน เช่น พริกไทย ที่ใบของต้นไม้ หรือถ้าแมวชอบที่จะขุดดินในกระถาง เราอาจจะหาตะแกรงมาปกคลุมดินบนกระถางป้องกันการขุดก็ได้ ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้แมวอยู่ใต้ต้นไม้เวลาไปขุด การกัดแทะจะลดลง หรือถ้าเป็นไม้ประดับที่แมวชอบไปกัด เราอาจจะปลูกต้นไม้นั้นในกระถาง หรือกระเช้า แล้วนำไปแขวนไว้ แมวก็จะไม่สามารถเข้าถึงได้ อาการของแมวที่เกิดจากความเป็นพิษของพืชมีได้ตั้งแต่ ชักและมีน้ำลายฟูมปาก มีอาเจียน จนอาจจะหมดสติถึงตายได้ : เมื่อพบว่าแมวมีอาการดังกล่าวควรรีบนำแมวไปพบสัตว์แพทย์ เพื่อให้การรักษาอย่างรีบด่วน หรือถ้าพบว่าแมวกำลังกินพืชที่เป็นพิษอยู่ (เห็น) ให้รีบนำไปพบสัตว์แพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้แมวแสดงอาการออกมา